สงสาร

สงสาร

วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

หลายชีวิต

คืนวันนั้นฝนตกหนัก พายุพัดลมแรงกระหน่ำเม็ดฝนให้สาดลงสู่พื้นดินและท้องน้ำ  ประดุจว่า

เม็ดฝนนั้นราวของแข็ง  เรือเมล์โดยสารลำหนึ่งแล่นออกจากบ้านแพนมุ่งหน้าสู่พระนคร

บรรทุกคนโดยสารเต็มเพียบแล่นฝ่ากระแสน้ำท่ามกลางเสียงฝนและพายุที่เพิ่มกำลังรุนแรง

ขึ้นทุกที  ขณะนั้นเป็นเวลาค่ำคืนมืดสนิท  คนโดยสารบางคนงอตัวเอนลงหลับในเนื้อที่เท่าที่

พอจะหาได้  บางคนนั่งกอดเข่าเหม่อมองไปข้างหน้า ซึ่งมีแต่ความมืด  เสียงฝนเสียงลม

กระทบผ้าใบที่กั้นข้างเรือ เกือบจะดังกลบเครื่องยนต์นั้นเสียสิ้น  แต่เรือยนต์ลำนั้นก็ยังแล่น

ก้าวหน้าคืบคลานต่อไปด้วยความพยายาม เหมือนกับว่าเป็นสัตว์มีชีวิตที่ถูกบรรทุกด้วย

สัมภาระอันหนักและถูกต้อนตีให้เดินไปตามทางที่ลำบากและกันดาร.......

หลายชีวิต........มาร่วมทางกันครั้งเดียวจากที่ต่างๆ  แต่ละชีวิตเคยประกอบกรรมมาแล้วทั้งสิ้น

จะมากน้อยก็สุดแล้วแต่บุคคล  แต่เหตุไฉนชีวิตเหล่านั้นจึงต้องมาสิ้นสุดลงด้วยเหตุเดียวกัน

สถานที่เดียวกัน  ชีวิตเหล่านี้มากมายนักมาประสบเคราะห์กรรม  จมน้ำตายลงพร้อมๆกัน

ซึ่งนับว่าเป็นเคราะห์อันหนัก  แต่ละชีวิตจะเคยประกอบกรรมอันร้ายแรงมาเหมือนกันหมด

ทีเดียวหรือ?  ดูไม่น่าจะเป็นไปได้.........

หลายชีวิตที่เคยรัก  เคยเกลียด  เคยหัวเราะ  เคยร้องไห้  เคยมีสุขมีทุกข์  มาจบลงพร้อมกัน

แต่ทว่า  จบนั้นจบจริงหรือ..............

แสงแดดยังส่องจับน้ำค้างตามใบหญ้าเป็นประกาย   บนตลิ่งและตามสุมทุมพุ่มไม้ยังเต็มไป

ด้วยชีวิตน้อยใหญ่ที่เริงร่า มีแต่ความหวัง   แม่น้ำสายนั้นยังคงไหลต่อไปอย่างเชื่องช้า

ไปสู่มหาสมุทรอันไพศาล ตราบใดที่แม่น้ำนั้นยังอยู่  เรือแพก็จะสัญจรขึ้นล่องไปมาโดยไม่มี

ที่สิ้นสุดเหมือนกับธารของชีวิต  ซึ่งไหลอยู่เป็นนิรันดร  มีเกิดแล้วก็มีตาย  แล้วก็ต้องมีเกิดอีก

ผู้ที่จะรอดพ้นไม่ถูกธารนั้นกลืนหายไป ก็คือผู้ที่สามารถว่ายเข้าหาฝั่ง ขึ้นยืนเสียบนตลิ่งใน

พิ้นที่แห้ง  ไม่ปล่อยตัวให้ไหลไปตามธารแห่งชีวิตนั้น   แต่คนที่จะทำเช่นนั้นได้จะมีสักกี่คน

เพราะกระแสธารแห่งชีวิตนั้น  ไหลเชี่ยวแรงนัก..............


จากบทประพันธ์อมตะ ของ  มรว.คึกฤทธิ์   ปราโมช  เรื่องหลายชีวิต

บทนำเรื่อง  ก็ให้ข้อคิดกับชีวิตมากมายแล้ว  ท่านใดยังไม่เคยอ่านภายในเรื่อง รีบอ่านเสีย

เดี๋ยวจะหาว่าไม่บอก

btomya@gmail.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น